มองอย่างผิวเผินคำสองคำนี้จะเหมือนกัน แต่ถ้ามองในรายละเอียดไม่ว่าจะความหมายในคำหรือลักษณะการกระทำสองคำนี้จะต่างกันโดยสิ้นเชิง ความรู้สึกที่ได้และผลของมันก็แตกต่างกันไปด้วย
“การเสียสละ” เป็นสิ่งที่น่ายกย่องและน่าชมเชย แต่ “การให้” นอกจากจากน่าย่องและน่าชมเชยแล้ว ยังประเสริฐสูงสุดด้วย “การเสียสละ” เป็นการทำการเพื่อเพราะปรารถนาดี แต่ “การให้” เป็นการทำเพื่อให้เกิดคุณงามความดีอย่างแท้จริง
แล้วสองอย่างนี้ มันต่างกันตรงไหน “การเสียสละ”ให้ความรู้สึกขาดแคลน แต่ “การให้”ให้ความรู้สึกเต็มตื้นและอุดมสมบูรณ์นะสิ...เอาให้ชัด ๆ..
“การเสียสละ” คือ การแบ่งปันสิ่งที่มีอยู่อย่างจำกัดให้กับบุคคลอื่นด้วยความปรารถนาดี ผู้แบ่งปันจึงรู้สึกขาดแคลน ขาดหายไป ในระดับลึก ๆ ของจิตใจและจิตวิญญาณจะรู้สึกสูญเสีย สร้างความรู้สึกไม่ดีอย่างร้ายกาจและบาดแผลในใจ คาดหวังสิ่งตอบแทนที่จะมาชดเชยอย่างเงียบ ๆ ถึงแม้จะพูดว่า “ฉันไม่ต้องการสิ่งตอบแทน” ก็ตาม ส่วนผู้รับ ถึงแม้จะชื่นชมยินดี ซาบซึ้งและมองเห็นคุณความดีของผู้แบ่งปัน แต่เขาจะรู้สึกผิดอยู่ลึก ๆ เช่นกัน ทั้งผู้แบ่งปันและผู้รับจะรู้สึกขาดหายไปทั้งคู่
“การให้” คือ การแบ่งปันสิ่งที่มีอยู่อย่างอุดมล้นเหลือไม่จำกัดให้กับบุคคลอื่นด้วยความปรารถนาดีและอิ่มเอิบ ผู้แบ่งปันรู้สึกมั่งคั่ง รู้สึกถึงความล้นพ้นประมาณเปี่ยมล้น ในจิตใจได้รับและดึงดูดความมั่งคั่งล้นเหลือมาในจิตใจและจิตวิญญาณ ผู้รับ จะได้รับการแบ่งปันอย่างเต็มใจและไม่รู้สึกผิด มีแต่จะปลาบปลื้มชมชื่นยินดี พวกเขาได้รับทั้งคู่
ทั้งการ ”เสียสละ” และ “การให้” บางครั้งในการกระทำทางกายภาพจะเป็นสิ่งเดียวกัน แต่ในระดับความคิดและจิตวิญญาณ มันเป็นการให้ความหมายและความรู้สึกต่อการกระทำนั้น ทั้งสองอย่างจึงแตกต่างกันสิ้นเชิง
พระพุทธเจ้าเป็นตัวอย่างที่ดีใน “การให้” มาตลอด แต่ในมุมมองผู้อื่นจะมองว่าพระองค์ทรงเป็นตัวอย่างที่ดีในการ “เสียสละ” เพราะขาดความเข้าใจที่แท้จริง
เราสามารถสร้างความแตกต่างในการทำคุณงามความดีและบุญกุกลได้ เรามาทำบุญด้วยการ
“ให้” แทนการ
“เสียสละ” ดีกว่า เวลาเราทำบุญด้วยการ “ให้” รู้จะไม่รู้สึกเสียดาย หรือขาดแคลน
(รู้สึกสิ่งใดเราจะดึงดูดสิ่งนั้น) และมีศรัทธาว่า
“ให้แล้วจะได้รับ” อย่างไม่มีข้อสงสัย แล้วเราจะมีความสุขกาย สุขใจ มีความสงบร่มเย็นไปตลอดกาล
--
เขียนโดย tirapanyo ถึง
ถิรปัญโญ เวลา 3/28/2010 04:18:00 หลังเที่ยง